• ล่าสุด
  • รีวิวเทคโนโลยี

การ์ดจอ RTX vs GTX ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับการใช้งาน

โพสต์เมื่อ 8 May 2025
by Utech 27 Views

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-01.jpg

การ์ดจอ RTX vs GTX ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกแบบไหน ให้เหมาะกับการใช้งาน

การ์ดจอ RTX และ GTX เป็นผลิตภัณฑ์การ์ดจอรุ่นสำคัญจาก NVIDIA ที่มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี ประสิทธิภาพ และการประมวลผล ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและประสบการณ์การใช้งานที่แตกต่างกัน มาทำความเข้าใจกันให้ลึกซึ้งว่าการ์ดจอทั้งสองตระกูลนี้มีจุดเด่นและความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อให้คุณสามารถเลือกการ์ดจอที่เหมาะสมกับความต้องการได้อย่างตรงจุด

GTX คืออะไร?

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-02.jpg

GTX (Giga Texel Shader eXtreme) เป็นตระกูลการ์ดจอรุ่นคลาสสิกจาก NVIDIA ที่เปิดตัวมาหลายปีและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยมีจุดเด่นในเรื่อง ประสิทธิภาพดี ราคาจับต้องได้ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการการ์ดจอที่มีความคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมทั่วไประดับกลาง การทำงานด้านกราฟิกพื้นฐาน หรืองานที่ไม่ต้องการการประมวลผลและการเรนเดอร์ที่ซับซ้อนมากนัก

ตระกูล GTX มีรุ่นที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักหลายรุ่น โดยเฉพาะ GTX 10 Series ที่โดดเด่นด้วย GTX 1050 เหมาะสำหรับการใช้งานระดับเริ่มต้น GTX 1060 สำหรับการเล่นเกมระดับกลาง และ GTX 1070 กับ GTX 1080 สำหรับการเล่นเกมระดับสูง นอกจากนี้ยังมี GTX 16 Series ที่พัฒนาต่อยอดมา ประกอบด้วย GTX 1650 สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป GTX 1660 และ GTX 1660 Ti สำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพระดับกลางถึงสูง แม้การ์ดจอเหล่านี้จะเปิดตัวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ดีและความคงทน ทำให้ยังสามารถรองรับเกมปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพง

RTX คืออะไร?

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-03.jpg

RTX (Ray Tracing Texel eXtreme) เป็นตระกูลการ์ดจอรุ่นใหม่ล่าสุดที่พัฒนาต่อยอดมาจากตระกูล GTX โดย NVIDIA ได้เพิ่มเทคโนโลยีขั้นสูงสองอย่าง ได้แก่ Ray Tracing ที่จำลองการเดินทางของแสงในโลกเสมือนจริง และ DLSS (Deep Learning Super Sampling) ที่ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผล ทำให้การแสดงผลแสง เงา การสะท้อน และเอฟเฟกต์กราฟิกต่าง ๆ มีความสมจริงมากขึ้น นอกจากนี้ เทคโนโลยี AI ยังช่วยเพิ่มอัตราการแสดงผลต่อวินาที (เฟรมเรต) แม้ในเกมที่มีกราฟิกซับซ้อนและต้องการประสิทธิภาพสูง

รุ่นของ RTX มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจาก RTX 20 Series รุ่นแรกที่นำเทคโนโลยี Ray Tracing มาใช้ ประกอบด้วย RTX 2060 สำหรับผู้ใช้ระดับกลาง และ RTX 2070 กับ RTX 2080 สำหรับนักเล่นเกมระดับสูง ตามมาด้วย RTX 30 Series ที่พัฒนาต่อยอดด้วยสถาปัตยกรรม Ampere ประสิทธิภาพสูง มีให้เลือกตั้งแต่ RTX 3060 สำหรับงานระดับกลาง ไปจนถึง RTX 3070, 3080 และ 3090 สำหรับงานระดับมืออาชีพ ล่าสุด RTX 40 Series มาพร้อมสถาปัตยกรรม Ada Lovelace ทั้ง RTX 4060, 4070, 4080 และ 4090 ที่มีประสิทธิภาพก้าวกระโดดทั้งด้านความเร็วและคุณภาพของ Ray Tracing

ความแตกต่างหลักระหว่าง RTX และ GTX

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-04.jpg

1. เทคโนโลยี Ray Tracing

RTX มาพร้อมเทคโนโลยี Ray Tracing ซึ่งจำลองการเดินทางของแสงในแบบสมจริง ด้วยการคำนวณการสะท้อนและการหักเหของแสงในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ส่งผลให้เกมและงานกราฟิก 3D มีความสมจริงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านเงา แสงสะท้อน และเอฟเฟกต์แสงต่างๆ ในขณะที่ GTX ไม่มีฮาร์ดแวร์เฉพาะสำหรับ Ray Tracing

2. DLSS (Deep Learning Super Sampling)

RTX รองรับเทคโนโลยี DLSS ซึ่งใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผล โดยปรับปรุงภาพความละเอียดต่ำให้มีคุณภาพสูงขึ้น วิธีนี้ช่วยลดภาระการประมวลผลของการ์ดจอ ทำให้สามารถเล่นเกมที่ความละเอียดสูงได้โดยไม่สูญเสียเฟรมเรต ซึ่ง DLSS เป็นเทคโนโลยีพิเศษที่มีเฉพาะในการ์ดจอตระกูล RTX เท่านั้น โดย GTX ไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีนี้ได้

3. ประสิทธิภาพโดยรวม

การ์ดจอ RTX ถูกออกแบบมาด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยกว่า โดยมีจำนวนคอร์มากขึ้นและความเร็วสัญญาณนาฬิกาที่สูงกว่าอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีหน่วยประมวลผลเฉพาะทางสำหรับ Ray Tracing และการประมวลผล AI ทำให้การ์ดจอตระกูล RTX สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนและต้องการประสิทธิภาพสูงได้ดีกว่า รวมถึงมีประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบขนานที่เหนือกว่า

สรุปความแตกต่างระหว่าง RTX กับ GTX

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-05.jpg

ประสิทธิภาพในการเล่นเกม ใครคือผู้ชนะ?

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-06.jpg

เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการเล่นเกมระหว่าง RTX และ GTX พบว่า RTX มีข้อได้เปรียบชัดเจนในหลายด้าน ทั้งประสิทธิภาพการประมวลผล ความเร็วในการแสดงผล และการรองรับเทคโนโลยีล่าสุด โดยเฉพาะในเกมความละเอียดสูงที่เปิดใช้ Ray Tracing ซึ่งสร้างความสมจริงของแสงและเงาได้อย่างน่าทึ่ง นอกจากนี้ RTX ยังมาพร้อมเทคโนโลยี DLSS ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลและรักษาเฟรมเรตให้คงที่ แม้ในเกมที่ต้องการทรัพยากรสูง โดยมีความแตกต่างคร่าวๆ ดังนี้

  • เล่นเกมที่ความละเอียด 1080p: แม้ว่าการ์ดจอ GTX รุ่นสูงบางรุ่นยังคงสามารถเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p ได้ดี แต่การ์ดจอ RTX แม้แต่รุ่นเริ่มต้นอย่าง RTX 4060 ก็ให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี DLSS ที่ช่วยเพิ่มอัตราเฟรมและความคมชัดของภาพ
  • การเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p: สำหรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 1440p การ์ดจอ RTX เช่น RTX 4070 Super ขึ้นไปนั้นเป็นตัวเลือกที่แนะนำ เนื่องจากให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปิดใช้งาน Ray Tracing ในขณะที่การ์ดจอ GTX รุ่นสูงบางรุ่นอาจมีปัญหาในการเล่นเกมใหม่ๆ ที่ความละเอียดนี้
  • เล่นเกมที่ความละเอียด 4K: สำหรับผู้ที่ต้องการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K การ์ดจอ RTX รุ่นสูง เช่น RTX 4080 Super และ RTX 4090 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากมีพลังประมวลผลและคุณสมบัติอย่าง DLSS ที่ช่วยให้ได้อัตราเฟรมที่สามารถเล่นได้ที่ความละเอียดนี้ . โดยทั่วไปแล้ว การ์ดจอ GTX ไม่เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K ในปัจจุบัน
  • ผลกระทบของ Ray Tracing ต่อประสิทธิภาพ: การเปิดใช้งาน Ray Tracing นั้นอาจส่งผลให้อัตราเฟรมลดลงอย่างมาก เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ต้องใช้พลังประมวลผลสูงอย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี DLSS สามารถช่วยลดผลกระทบนี้ได้ โดยการ upscale ภาพจากความละเอียดที่ต่ำกว่า ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเพลิดเพลินกับภาพที่สวยงามจาก Ray Tracing โดยไม่สูญเสียอัตราเฟรมมากนัก

ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพการเล่นเกม RTX มีข้อได้เปรียบชัดเจนด้วยเทคโนโลยี Ray Tracing และ DLSS ที่ช่วยให้ภาพสมจริงและเพิ่มเฟรมเรตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ GTX จะสามารถเล่นเกมทั่วไปได้ดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงหรือเกมใหม่ๆ RTX จะแสดงศักยภาพที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น การที่ RTX รองรับเทคโนโลยีล่าสุดทำให้มีความพร้อมสำหรับเกมในอนาคตมากกว่า

การใช้งานด้านอื่นๆ ครีเอเตอร์ควรเลือกอะไร?

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-07.jpg

นอกเหนือจากการเล่นเกมแล้ว การ์ดจอ RTX ยังมีข้อได้เปรียบอย่างมากสำหรับการใช้งานด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่างๆ ด้วยการออกแบบที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่ต้องการพลังการประมวลผลระดับมืออาชีพ เช่น การเรนเดอร์ภาพ 3D การตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูง หรือการทำงานที่ต้องใช้เทคโนโลยี AI ในการประมวลผล ซึ่งการ์ดจอ RTX ได้รับการพัฒนาให้มีฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานเหล่านี้โดยตรง มาดูตัวอย่างการใช้งานที่โดดเด่นกัน

  • การตัดต่อวิดีโอ: การ์ดจอ RTX โดยเฉพาะรุ่นสูงๆ นั้นให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในโปรแกรมตัดต่อวิดีโอต่างๆ เนื่องจากมี CUDA Cores และ Tensor Cores ที่ช่วยเร่งการทำงาน ทำให้การrender วิดีโอและการเล่นไฟล์วิดีโอเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น
  • การออกแบบกราฟิก: แม้ว่าการ์ดจอ RTX และ GTX จะสามารถใช้งานด้านการออกแบบกราฟิกได้ แต่การ์ดจอ RTX สามารถเร่งการทำงานของฟีเจอร์บางอย่างที่ใช้ AI ในโปรแกรมต่างๆ เช่น Adobe Photoshop ได้
  • การrender 3D: การ์ดจอ RTX มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการrender ภาพสามมิติ เนื่องจากรองรับเทคโนโลยี Ray Tracing ที่ให้ผลลัพธ์ที่สมจริงและแม่นยำกว่า นอกจากนี้ Tensor Cores ยังช่วยเร่งการทำงานของ AI-based denoising และกระบวนการrender อื่นๆ อีกด้วย
  • NVIDIA Studio: NVIDIA ยังมีโปรแกรม "Studio" ที่นำเสนอไดรเวอร์ที่ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานในแอปพลิเคชันสร้างสรรค์ต่างๆ ทำให้ได้เสถียรภาพและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น .

โดยสรุปแล้ว การ์ดจอ RTX นั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่าสำหรับการใช้งานด้านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ระดับมืออาชีพที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติอย่าง Ray Tracing และ AI Acceleration แม้ว่าการ์ดจอ GTX จะยังสามารถใช้งานบางอย่างได้ แต่ก็ขาดหน่วยประมวลผลเฉพาะและการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ RTX มี

ปัจจัยในการตัดสินใจ จะเลือกการ์ดจออย่างไรให้เหมาะกับคุณ?

การ์ดจอ-RTX-vs-GTX-ต่างกันอย่างไร-08.jpg

ในการเลือกการ์ดจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน มีปัจจัยสำคัญหลายประการที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน มาดูปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกการ์ดจอกัน

  • งบประมาณ (Budget):

งบประมาณเป็นปัจจัยแรกๆ ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว การ์ดจอ RTX มักจะมีราคาสูงกว่าการ์ดจอ GTX เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าและประสิทธิภาพที่สูงกว่า อย่างไรก็ตาม ราคาของการ์ดจอ GTX อาจต่ำกว่าเนื่องจากเป็นรุ่นเก่ากว่าหรือเป็นสินค้ามือสอง การ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าและมีคุณสมบัติที่มากกว่า (เช่น Ray Tracing และ DLSS) มักจะมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย

  • ความละเอียดและอัตราการรีเฟรชของจอภาพ (Monitor Resolution and Refresh Rate)

ผู้ใช้งานที่มีจอภาพความละเอียดสูง (1440p, 4K) จะต้องการการ์ดจอที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่าง RTX เพื่อให้ได้อัตราเฟรมที่ราบรื่นในการเล่นเกมหรือใช้งานต่างๆ นอกจากนี้ ผู้ที่มีจอภาพที่มีอัตราการรีเฟรชสูง (เช่น 144Hz) จะได้รับประโยชน์จากการ์ดจอที่สามารถแสดงผลจำนวนเฟรมต่อวินาทีได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการความรวดเร็วในการตอบสนอง

  • ประเภทของเกมหรือแอปพลิเคชันที่ใช้งาน (Types of Games or Applications Used)

ผู้ใช้งานควรพิจารณาประเภทของเกมที่ตนเองเล่นเป็นหลัก หากเป็นเกม AAA สมัยใหม่ที่ต้องการภาพสวยงามและรองรับ Ray Tracing การ์ดจอ RTX เป็นสิ่งที่แนะนำ แต่ถ้าเป็นเกมที่ไม่ต้องการสเปกสูงมากนักหรือเกมเก่า การ์ดจอ RTX รุ่นเริ่มต้นหรือ GTX มือสองอาจเพียงพอ . สำหรับผู้ที่ใช้งานแอปพลิเคชันสร้างสรรค์ที่ได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติของ RTX การเลือกการ์ดจอ RTX จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

  • ความสำคัญของเทคโนโลยี Ray Tracing และ DLSS (Importance of Ray Tracing and DLSS)

ผู้ใช้งานควรตัดสินใจว่าเทคโนโลยีเหล่านี้มีความสำคัญต่อตนเองมากน้อยแค่ไหน หากต้องการภาพที่สวยงามและสมจริงที่สุด รวมถึงประสิทธิภาพที่ดีในเกมสมัยใหม่ การ์ดจอ RTX เป็นสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าไม่กังวลกับคุณสมบัติเหล่านี้มากนัก หรือส่วนใหญ่เล่นเกมเก่า การ์ดจอ GTX อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ (แม้ว่าการ์ดจอรุ่นใหม่ในกลุ่มนี้จะมีจำหน่ายน้อยลง)

สรุป

จากการเปรียบเทียบระหว่าง การ์ดจอ RTX และ GTX ทั้งในด้านเทคโนโลยี ประสิทธิภาพ และการใช้งาน เราสามารถสรุปได้ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดย RTX เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและเทคโนโลยีล่าสุด ในขณะที่ GTX ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการฟีเจอร์พิเศษมากนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ แม้ว่า GTX จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ แต่ก็ยังสามารถรองรับการใช้งานพื้นฐานและเกมทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการปรับตั้งค่ากราฟิกให้เหมาะสม

 

 

บทความที่น่าสนใจ